ศาสตราจารย์เกียรติคุณ
แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์ กล่าวถึง ความอ่อนเพลีย ว่า
เหนื่อยล้า อ่อนล้า ล้า หรือ อ่อนเพลีย
(Fatigue) เป็นอาการ หรือความรู้สึก ไม่ใช่เป็นโรค มักพบเกิดหลังพักผ่อนไม่เพียงพอ อดนอน
ทำงานหนักต่อเนื่อง และ/หรือมีปัญหาทางอารมณ์/จิตใจ
เหนื่อยล้าเป็นอาการพบบ่อยอาการหนึ่ง
พบได้ทั้งในเด็ก (มีรายงานพบเกิดได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 5 ปี) ไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยพบได้บ่อยขึ้นเมื่อยิ่งสูงอายุ
ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเกิดอาการนี้ได้ใกล้เคียงกัน
แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุอาการเหนื่อยล้าอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุอาการเหนื่อยล้าได้จาก
ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติการใช้ยาต่างๆ ประวัติปัญหาในชีวิต/ครอบครัว การตรวจร่างกาย การตรวจเพิ่มเติมอื่นๆตามความผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ
และตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น ตรวจเลือดซีบีซี (CBC) ดูภาวะซีด ตรวจเลือดดูค่าน้ำตาลในเลือดเมื่อสงสัยโรคเบาหวาน ตรวจเลือดดูค่าการทำงานของตับ ไต
เมื่อสงสัยโรคของตับ หรือของไต เป็นต้น อาจตรวจเอกซเรย์ปอด
และตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจเมื่อสงสัยโรคหัวใจ หรือตัดชิ้นเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เมื่อพบก้อนเนื้อผิด ปกติและสงสัยโรคมะเร็ง เป็นต้น
รักษาอาการเหนื่อยล้าอย่างไร?
แนวทางการรักษาอาการเหนื่อยล้าปกติจากการใช้ชีวิตประจำวัน
คือ การพักผ่อน และการนอนหลับให้เพียงพอ กินอาหารมีประโยชน์
5 หมู่ให้ครบถ้วนในทุกๆวัน ออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพ
แนวทางการรักษาอาการเหนื่อยล้าทุติยภูมิ
คือ การดูแลรักษา ควบคุมสาเหตุ เช่น การดู แลรักษาควบคุม โรคเบาหวาน หรือภาวะโลหิตจางจากขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น
แนวทางการรักษาอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง คือ การรักษาประคับประคองตามอาการเนื่อง
จากไม่ทราบสาเหตุ เช่น การให้ยากระตุ้นให้ตื่นตัว
การให้ยานอนหลับ การให้ยาแก้ปวด การให้ยารักษาอาการซึมเศร้า
การให้ฮอร์โมนบางชนิด การกินอาหารมีประโยชน์
5 หมู่ให้ ครบในทุกๆวัน การออกกำลังกายพอควรกับสุขภาพ การเลิกบุหรี่ เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
และการจำกัดเครื่องดื่มกาเฟอีน (เช่น ชา กาแฟ โคล่า เครื่องดื่มชูกำลัง)
นายภาณุพงศ์ วิชชุเตวส เลขที่ 2 ม.6/3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น